ผมจดทะเบียนสมรสกับแฟนคนไทยสำเร็จแล้วครับ!
ในที่สุดเราก็ได้รับการออกใบสำคัญการสมรสที่ไทยและเราได้เป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการแล้วครับ
ไปยื่นเรื่องที่ว่าการเขตนั้นทีนู้นทีรวมแล้วทั้งหมด 5 ที่ กว่าจะผ่านพ้นเกมส์แห่งอุปสรรคอันยาวนาน จนบรรลุความปรารถนา!
เรื่องราวครั้งก่อน
ผมรวบรวมเอาเรื่องตั้งแต่ตอนที่เราเจอกันจนถึงปัจจุบันไว้ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ
- การเจอกันจากการที่เธอจีบผมก่อน
- ผมขอแฟนแต่งงาน
- ไปแนะนำตัวอย่างเป็นทางการกับพ่อแม่แฟน
- ไปยื่นขอเอกสารที่สถานทูตญี่ปุ่นในประเทศไทย
- ไปรับเอกสารที่สถานทูตญี่ปุ่นในประเทศไทย
- ไปรับรองคำแปลเอกสารที่สถานกงสุลไทย
- ได้รับ EMS เอกสาร
- ลองไปขอจดทะเบียนสมรสในวันวาเลนไทน์ แต่ไม่สำเร็จ
- ลองไปขอจดทะเบียนสมรสที่เขตวัฒนา แต่ไม่สำเร็จ
- ลองไปขอจดทะเบียนสมรสที่เขตพระโขนง แต่ไม่สำเร็จ
- ไปที่ว่าการเขตบางรัก (บทความนี้)
ขนาดแค่รวบรวมเรื่องที่ผ่านมา ผมยังรู้สึกว่ามันช่างดูน่าปวดหัวเหลือเกิน แต่ของจริงก็ไม่ได้ยุ่งยากวุ่นวายขนาดนั้นครับ
หลังจากตอนที่ถูกปฏิเสธจากเขตวัฒนาว่า “Mai Dai Krab” (ไม่ได้ครับ) มา
ผมปลอบใจตัวเองว่าพระเจ้าคงประธานเรื่องราวให้ผมไว้เขียนลงบล็อกครับ ถ้าไม่คิดเช่นนั้นจิตใจผมคงแย่แน่
ครั้งก่อนที่ไปยื่นเรื่องที่เขตพระโขนง เจ้าหน้าที่คนไทย ขอเอกสารสำคัญอย่างอื่นอีก ยิ่งเพิ่มปัญหาให้เราเข้าไปอีกครับ
“ยังไงเขตเราก็ไม่รับเรื่อง พวกคุณลองไปที่เขตบางรักดูสิ”
เจ้าหน้าที่สวนกลับมาด้วยการ”บอกปัดให้ไปเขตอื่น”
อย่างกับเป็นชื่อท่าปล่อยพลังในเกมส์ ผมหงุดหงิดมากจนอยากจะปล่อยท่าไม้ตายในเกมส์โปเกม่อนใส่เลยทีเดียว
ถึงแม้ว่าจะเจออุปสรรคจนถึงวินาทีสุดท้าย แต่ในที่สุดเราก็จดทะเบียนสมรสได้สำเร็จครับ
ไปที่ว่าการเขตบางรักตั้งแต่ 7 โมงเช้า!
ที่ว่าการเขตบางรัก รองรับการจดทะเบียนให้แก่คู่สมรสชาวไทยกับชาวต่างชาติเพียงวันละ 8 คู่ ดังนั้นถ้าไม่ไปถึงตั้งแต่ก่อนเวลาทำการ อาจจะยื่นขอจดทะเบียนไม่ได้ครับ
พวกเราปรับอารมณ์ใหม่หลังจากผิดหวังมาจากครั้งก่อน วันนี้จึงลาหยุดครึ่งวันเช้าเพื่อทำเรื่องขอจดทะเบียนอีกครับ
อรุณสวัสดิ์ครับ ผมคานาโอะครับ
หน้าตาผมดูเหนื่อยล้าจากอุปสรรคทั้งหลายที่เกิดขึ้น รวมถึงง่วงด้วยครับ
ผมมาถึงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสามย่าน ซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้ที่สุดที่จะไปยังที่ว่าการเขตบางรักครับ
จากนั้น นั่งแท็กซี่ต่อมายังที่ว่าการเขตบางรัก
ตอนนี้เป็นเวลา 7 โมงเช้า ครับ แต่…
เฮ้ย ต่อคิวกันอยู่เต็มเลยอ่ะ
แย่แล้ว รู้สึกถึงลางไม่ดี
นับดูคร่าวๆ ได้ไม่ถึง 8 คู่ พวกเราเลยเดินเข้าไปถามดูว่าคู่พวกเราอยู่ลำดับที่เท่าไหร่
แฟนผมถามปุ๊บ ก็ได้รับคำตอบยิงแสกหน้ากลับมา
“เค้าบอกว่าเราคู่ที่ 9 อ่ะ!!!”
“คู่ที่ 9!!!”
วันนี้ก็ซวยอย่างไม่ต้องสงสัย
แค่ดูหน้าจากด้านข้างก็รู้แล้วว่าแฟนผมกำลังหงุดหงิดมาก
ถึงอย่างนั้น พวกเราก็ดูจะมีความหวังขึ้นมา
“คู่ที่นั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนเอกสารจะไม่ครบ ถ้าคู่นั้นเอกสารไม่ผ่าน คู่พวกคุณก็ Na Ja Dai”
“Na Ja Dai (น่าจะได้)” แปลได้แบบนั้นครับ
แล้วอะไรทำไมถึงแค่ 8 คู่เองอ่ะ
ลิมิเต็ด เอดิชั่น รึไงวะเนี่ย
ผมเริ่มเคืองเรื่องการ “จำกัดแค่ 8 คู่” เลยตัดสินใจจะลองขอต่อรองกับเจ้าหน้าที่ว่าเพิ่มอีกสัก 1 คู่จะได้ไหม
ลองไปขอต่อรองกับผู้มีอำนาจเซ็นต์เอกสาร
พอเราลองถามหาคนที่มีอำนาจเซนต์เอกสารว่าอยู่ที่ไหน
“ตอนนี้ท่านนอนหลับอยู่ในรถ รอแปปนึงให้ท่านตื่นก่อนนะ”
ตื่นมาาา เร็วๆ
จะนอนอยู่หรือทำอะไรอยู่ก็ช่างเถอะ
ขอแค่ ตื่นมาาา เร็วๆหน่อยยยยยย
รอไปได้สักพัก เจ้าหน้าที่ท่านนั้นก็ตื่น เราจึงลองขอต่อรองดู
“เกิน 8 คู่ไม่ได้จริงๆ Krab”
จริงเหรอวะเนี่ย
แต่แล้ว..
“ผมมีคนรู้จักที่มีอำนาจเซ็นต์อยู่เขตบางกอกน้อย เดี๋ยวจะลองติดต่อให้ดู”
โอ๊ย ผมรักเมืองไทย〜
พอติดต่อแล้ว ได้คำตอบกลับมาว่าที่เขตบางกอกน้อยไม่ได้จำกัดจำนวนคู่สมรสชาวไทยกับชาวต่างชาติว่าต้องไม่เกิน 8 คู่ต่อวัน ถ้าไปเขตนั้นแทนก็น่าจะได้
ผมคิดในใจ“อ้าว แล้วทำไมเขตบางรักถึงจำกัดแค่ 8 คู่วะ” แต่เลือกที่จะไม่พูดและไปเขตบางกอกน้อยอย่างสงบเงี่ยมแทน
หน้าถัดไป ไปเขตบางกอกน้อยและลองยื่นขอจดทะเบียนสมรส!
ไปเขตบางกอกน้อย
แฟนผมยังหงุดหงิดอยู่เรื่องที่แม้อุตส่าห์ตื่นมาตั้งแต่เช้าเพื่อมายังเขตบางรักแต่ก็ไม่ทันคิว 8 คู่ และยังไม่รู้ด้วยว่าถึงไปที่เขตบางกอกน้อยแล้วจะจดทะเบียนสมรสได้ไหม
หน้าตอนกำลังหงุดหงิดของแฟนผมน่ากลัวเกินไป เลยขอเซนเซอร์ไว้นะครับ
ไอ้การซวยซ้ำซวยซ้อนแบบนี้ “ผมก็อยากจะขอบคุณที่ให้ผมมีเรื่องขำๆมาเขียนลงบล็อกได้”กลายเป็นรู้สึกว่าพระเจ้าประธานให้เสียอย่างนั้น
ระหว่างทางบนแท็กซี่ที่เรานั่งไปเขตบางกอกน้อย ผมก็ได้เอนเตอร์เทนแฟนที่กำลังหงุดหงิดหวังจะให้เธอหายเซ็งครับ
แต่ก็เอนเตอร์เทนไม่สำเร็จครับ 55
พอมองไปนอกหน้าต่างรถแท็กซี่ ผมเห็นคู่นกพิราบก็ได้แต่รู้สึกอิจฉาพวกมันมากครับ
ความรู้สึกที่ต้องมาอิจฉานกพิราบขนาดนี้ผมอยากจะให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย
ที่ตั้งของที่ว่าการเขตบางกอกน้อย อยู่ส่วนในสุดของซอยแบบชุมชนท้องถิ่น
ที่จอดรถมีรูปปั้นลิงปิดปากปิดตาปิดหูอยู่ครับ
จะดูสักกี่ทีก็เห็นเป็นกอลลิล่าครับ
ยิ่งไปกว่านั้นไอ้หัวนมนั่น ทำเอาผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมายังไงก็ไม่รู้
ถ้าให้เทียบความสะดวกและความพร้อมของเขตบางรักกับเขตบางกอกน้อยแล้ว ที่นี่ดูจะด้อยกว่าครับ
พอเข้าไปในที่ว่าการเขต พวกเราก็ตรงไปถามเรื่องขอจดทะเบียนสมรสทันที
หลังจากรับบัตรคิวและนั่งรอเจ้าหน้าที่เรียกเพียงครู่เดียว ก็ถึงตาเรา
เอกสารที่เขตพระโขนงบอกว่าจำเป็นต้องใช้ (เอกสารรับรองคำแปลหนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต)กับเอกสารรับรองใบทะเบียนครอบครัวญี่ปุ่น) ก็ดูจะไม่จำเป็นต้องใช้ที่นี่ครับ
เอกสารที่ต้องใช้มีเพียง
- เอกสารรับรองคำแปลหนังสือปฏิญาณคุณสมบัติในการสมรสและหนังสือรับรองความเป็นโสดที่ได้มาจากกรมการกงสุลไทย
- พาสปอร์ตและใบอนุญาตการทำงานของผม ตัวจริงและสำเนา
- บัตรประจำตัวประชาชนของแฟน ตัวจริงและสำเนา
ผมมอบหน้าที่กรอกเอกสารการขอจดทะเบียนสมรสเป็นภาษาไทยให้แฟนผมครับ
การกรอกใบคำร้องไม่มีปัญหาอะไร ในที่สุดผมก็ได้เห็นหน้าค่าตาทะเบียนสมรสของจริงแล้วครับ!!
แต่ก็เกิดปัญหาจนได้ครับ ต้องพาพยานและล่ามมาด้วยอย่างละ 1 คน (รวมเป็น2คน)
แบบนั้นผมก็ไม่ได้ดิ
ก็ที่ทำการเขตเปิดแค่วันธรรมดาอ่ะ
สรุปพวกเราก็พยายามต่อรองกับทางเจ้าหน้าที่ คำตอบที่ได้คือ “อ่ะ ก็ได้” แฟนผมทำหน้าที่เป็นล่ามให้ และให้เจ้าหน้าที่อีกคนลงชื่อเป็นพยานให้ครับ
การทำเรื่องขอจดทะเบียนที่ไทยนี่ขึ้นอยู่กับเขตและดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ล้วนๆเลยครับ
ผลก็ออกมาตามนั้นครับ!
เจ้าหน้าที่จะออกใบทะเบียนสมรสให้หรือไม่!?
หน้าถัดไป ได้รับใบทะเบียนสมรส!!!
เจ้าหน้าที่ออกใบทะเบียนสมรสให้แล้วครับ
ในที่สุด!
ได้ใบทะเบียนสมรสของไทยมาแล้วครับ!
ในที่สุดครั้งนี้เราก็ได้รับทะเบียนสมรสมาอย่างง่ายดาย จนทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าเหตุการณ์ที่ราวกับถูกสวรรค์กลั่นแกล้งที่ผ่านมาทั้งหมดเนี่ยมันคืออะไรกัน
ใบสำคัญการสมรสของไทย มี 1 ชุด 2 แผ่นครับ สามีและภรรยาสามารถแยกเก็บได้
และมีแฟ้มสำหรับใส่ทะเบียนสมรสราคา 290 บาทขาย ซึ่งผมก็ซื้อมาด้วยครับ
พวกเราดีใจกันใหญ่ที่ความปรารถนาบรรลุผลสำเร็จหลังจากฝ่าฟันกับอุปสรรคต่างๆกันมามากมาย
แฟนผมเจออะไรก็ดูจะสดใสสวยงามไปเสียทุกอย่าง ประทับใจแม้กระทั่งรถกระบะสีเขียว
แฟน: “อุ๊ยย สีเขียวสวยจังเลย〜!”
กะไว้แล้ววว
ส่วนผมพอเห็นอาการแฟนแบบนั้น ทำให้รู้สึกได้ว่าเราแต่งงานกันแล้วจริงๆ
หลังจากรู้สึกโล่งอก ก็เริ่มรู้สึกโล่งท้องครับ (หิว)
เราแวะกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านอาหารไทย ใกล้ๆกับที่ว่าการเขตบางกอกน้อย
ทางร้านใส่พริกไทยมาเสียจนผมไม่รับรู้รสชาติอะไรนอกจากพริกไทยครับแต่การที่ผมไม่ได้เป็นคนโสดอีกต่อไปแล้ว ทำให้อาหารรสชาติพิเศษขึ้นมาเล็กน้อย
เอาล่ะครับ ถึงแม้เรื่องการจดทะเบียนสมรสที่ไทยจะเสร็จสิ้นแล้ว ผมยังต้องทำเรื่องทางฝั่งญี่ปุ่นต่อ
ในกรณีของผม ผมต้องไปทำเรื่องต่อที่สถานทูตญี่ปุ่นในไทยครับ
ผมขอลาหยุดมาเพียงครึ่งวันเช้า ดังนั้นต้องรีบไปสถานทูตญี่ปุ่นต่อเลยครับ
ไปสถานทูตญี่ปุ่น ยื่นใบทะเบียนสมรส
แฟ้มที่เราถืออยู่คือใบสำคัญการสมรสฝั่งไทยที่ไปจดทะเบียนมาเมื่อสักครู่นี้ครับ ตอนนี้จำเป็นต้องมายื่นทะเบียนสมรสเพื่อรายงานทางฝั่งญี่ปุ่นครับ
หลังจากได้รับการออกใบสำคัญการสมรสแล้ว จำเป็นต้องดำเนินเอกสารภายใน 3 เดือนครับ
เอกสารที่จำเป็น
- ใบสำคัญการสมรส
- ใบทะเบียนบ้านของแฟน
- เอกสารที่เขียนไว้ข้างบนทั้ง2อย่าง แปลเป็นภาษาญี่ปุ่น
- ใบทะเบียนครอบครัวญี่ปุ่น 2 ชุด
- ใบขอยื่นจดทะเบียนสมรสญี่ปุ่น
- ตราประทับ(อินคัง) ที่ใช้ประทับในใบจดทะเบียนสมรสญี่ปุ่น
ตัวจริงและสำเนา
ครั้งก่อนที่ผมมารับเอกสารรับรอง”หนังสือปฏิญาณคุณสมบัติในการสมรส”และ”หนังสือรับรองความเป็นโสด”ที่สถานทูตญี่ปุ่นผมได้รับตัวอย่างการกรอกเอกสารมาด้วยครับ
แฟนผมสามารถแปลเอกสารได้ เราจึงแปลเอกสารกันเองซึ่งก็โอเคครับ ไม่มีปัญหา
ตอนที่ผมมารับเอกสารรับรอง”หนังสือปฏิญาณคุณสมบัติในการสมรส”และ”หนังสือรับรองความเป็นโสด”ที่สถานทูตญี่ปุ่น ผมได้เอกสารตัวนี้มาด้วยครับ
ผมกรอกเอกสารเตรียมไว้ตั้งแต่คืนก่อนครับ
การแต่งงานระหว่างคนไทยและคนญี่ปุ่น สามีภรรยาสามารถใช้คนละนามสกุลได้ครับ
รวบรวมเอกสารทั้งหมดแล้ว ก็กดรับบัตรคิวที่ปุ่ม (D) ครับ
รอคิวได้สักครู่ เจ้าหน้าที่ก็เรียกไปที่เคาน์เตอร์เพื่อยื่นเอกสารครับ
จากนั้นเจ้าหน้าที่จะเชิญให้มานั่งรอในห้องสัมภาษณ์
พอเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบตรวจสอบเอกสารเสร็จ ขั้นตอนการยื่นเรื่องจดทะเบียนทางฝั่งญี่ปุ่นก็ถือว่าเสร็จสิ้นครับ
การแต่งงานจำเป็นต้องทำใบสำมะโนครัวญี่ปุ่นใหม่(จะมีการระบุชื่อภรรยา/สามีลงไปด้วย)
ดังนั้นในกรณีของผมยื่นทำเรื่องจากสถานทูตญี่ปุ่นในประเทศไทย กว่าเรื่องจะส่งถึงญี่ปุ่นจำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควร โดยอย่างเร็วที่สุดประมาณ 1 เดือนครึ่งครับ
เท่านี้ ก็ถือว่าการดำเนินเรื่องแต่งงานระหว่างคนไทยกับคนญี่ปุ่นของผมเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์ครับ
นาน
มันช่างยาวนานเหลือเกิน
ตั้งแต่ผมตัดสินใจจะแต่งงานและขอแฟนแต่งงานจนถึงตอนนี้ใช้เวลาถึง 2 เดือนเลยครับ
ไม่ใช่แค่ใช้เวลานานเท่านั้น สภาพจิตใจยังเหนื่อยล้าด้วยครับ
ในทางกลับกันผมคิดว่าการที่เราผ่านอุปสรรคและความเหนื่อยล้านี้มาได้ จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาของเราแน่นแฟ้นและแข็งแกร่ง
พูดได้ไม่ทันขาดคำ เราก็มาทะเลาะกันเรื่อง”ใครจะเป็นคนตากผ้า” เสียแล้วครับ
การแต่งงานกับคนไทย เรื่องราวส่วนใหญ่คือรวบรวมขั้นตอนการเดินเรื่องการแต่งงานระหว่างประเทศของคนไทยกับคนญี่ปุ่นก็จริงครับ แต่ยังไม่ได้จบเพียงเท่านี้ ยังมีอีกหลายๆเรื่องที่น่าจะเกิดขึ้นอีก
ดังนั้นผมยังคิดว่าจะเขียนหัวข้อนี้ต่อไปครับ