วันก่อนผมขอแฟนคนไทยแต่งงานได้สำเร็จครับ
การเดินทางไปแนะนำตัวกับที่บ้านแฟน กลายเป็นการขอแต่งงานที่เคร่งประเพณีเกินคาด นอกจากนี้ยังถูกคุณย่าเรียกว่าฮาชิโมโต้อีก นึกว่าเรื่องอะไรที่ไหนได้เป็นเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์นี่เอง
- 1. ความเดิมตอนที่แล้ว
- 2. การเตรียมตัวเพื่อไปขออนุญาตแต่งงาน
- 3. ออกเดินทางไปอุบล!
- 4. นั่งรถพ่อแม่แฟนมุ่งหน้ากลับบ้าน!
- 5. ญาติผู้ใหญ่ของแฟนรออยู่ที่บ้านจำนวนมากกว่าที่คิด!
- 6. ในที่สุดก็ได้เวลาที่ผมจะพูดว่า “กรุณาให้ผมแต่งงานด้วยนะครับ”เป็นภาษาไทยแล้วครับ!
- 7. ทานข้าวกับทุกคนเสร็จแล้วก็ไปวัดต่อ
- 8. ถูกเรียกว่าฮาชิโมโต้ตอนไปเยี่ยมคุณย่า
- 9. ได้ดูรูปงานแต่งของคุณพ่อคุณแม่
- 10. เตรียมงานแต่งงาน
ความเดิมตอนที่แล้ว
ผมขอแฟน(คนไทย)แต่งงานได้สำเร็จ ในวันนั้นแฟนผมดีใจมากจนเก็บไม่อยู่เธอจึงบอกข่าวคุณแม่ไป ผมอยากไปขอกับคุณพ่อของแฟนเองโดยตรงจึงขอร้องคุณแม่ของแฟนไปทางโทรศัพท์ว่า”ให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอย่าเพิ่งบอกให้พ่อรู้!”
วันรุ่งขึ้น จากที่ผมขอไปว่าให้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่แฟนว่า”บอกพ่อไปแล้วแหละ แหะๆ”
ดูเหมือนเรื่องการตัดสินใจแต่งงานจะทำให้คุณพ่อของแฟนสบายใจ แถมคุณพ่อยังพูดด้วยว่าไม่ต้องอุตส่าห์มาขอถึงที่หรอก แค่คุยทางโทรศัพท์ก็ได้
แต่ว่าถ้าไม่ไปขอโดยตรงผมก็คงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
อาทิตย์หลังจากที่ขอแฟนแต่งงานผมจึงตัดสินใจเดินทางไปยังภาคอีสานของประเทศไทย จุดมุ่งหมายคือจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อขออนุญาตแต่งงานกับคุณพ่อโดยตรง
ความเดิมตอนที่แล้ว:【ผมจะแต่งงานแล้วครับ】ขอแต่งงานที่กรุงเทพประสบความสำเร็จ!ด้วยช่อกุหลาบกับพรอปตกแต่งห้อง!
การเตรียมตัวเพื่อไปขออนุญาตแต่งงาน
ในเมื่อแฟนผมเป็นคนไทย แน่นอนครับว่าพ่อแม่แฟนผมเป็นคนไทย
(ที่ไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น)
ถึงแฟนผมจะพูดภาษาญี่ปุ่นคล่องแคล่วสามารถเป็นล่ามให้ได้ แต่ครั้งนี้ถ้าผมไม่ขอด้วยตัวเองก็คงจะแปลก ดังนั้นผมจะพูดขออนุญาตแต่งงานด้วยตัวเองครับ
“วันนี้ผมมีเรื่องสำคัญจะขอครับ”
“กรุณาให้ผมแต่งงานกับลูกสาวคุณพ่อได้ไหมครับ“
ผมจะพูดประโยคนี้เป็นภาษาไทยครับ
แฟนของผมพูดภาษาญี่ปุ่นได้ เธอจึงแปลข้อความเหล่านี้เป็นภาษาไทยให้ผม
“Wannee Phom mee Ruang Samkan Ja Kho Krub”
“Karunaa Hai Phom Tang-ngan Kub Look-saaw Khun Pho Dai Mai Krub”
ผมไม่เข้าใจเลยครับ รู้แค่ว่า…ยาว
วันจริงจะจำได้ไหมเนี่ยกังวลสุดๆ
อีกทั้งการไปอุบลครั้งนี้ คงจะไปมือเปล่าไม่ได้ ผมเลยคิดจะเตรียมขนมเป็นของฝากไปด้วย แต่ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาผมก็เพิ่งไปอุบลมา แฟนกับคุณแม่ก็เลยเบรคไม่ให้ผมซื้ออะไร
แต่กระนั้นจะให้ผมไปโดยไม่มีของติดไม้ติดมือไปคงไม่ได้จริงๆ ผมเลยตัดสินใจซื้อเสื้อเป็นของฝากให้คุณตา และคุณพ่อคุณแม่ของแฟนครับ
ออกเดินทางไปอุบล!
เช้าตรู่ ผมออกเดินทางโดยแท็กซี่จากคอนโดมุ่งสู่สนามบินดอนเมือง เพื่อขึ้นเครื่องไปยังอุบล
แม้กระทั่งบนแท็กซี่ผมก็เช็คข้อความ
ความกังวลต่างๆไม่ลดลง
ส่วนที่ได้เพิ่มมาคืออาการเมารถครับ
ยาสูดดมบรรเทาอาการ แทน แทน แท๊น ยาดม ครับ
ถึงสนามบินดอนเมืองแล้วครับ
ระหว่างรอที่หน้าบอร์ดดิ้งเกท ผมกังวลมากจึงเช็คข้อความอีกรอบ
แม้จะอยู่บนเครื่องแล้วความกังวลก็ยังมีอยู่แถมด้วยอาการปวดฉี่…
เช็คข้อความเพื่อความสบายใจ
แฟนผมทำตัวสบายๆชิวๆ ทิ้งผมที่ตื่นเต้นมากไว้ข้างๆ
เธอถ่ายรูปเซลฟี่ครับ
ผมถูกแฟนชวนให้ถ่ายรูปด้วยกัน แต่มันไม่ใช่อารมณ์ที่ผมจะมาถ่ายรูปตอนนี้ เธอเลยเมินผมไปเลย
“นี่!ยิ้มหน่อยสิ!”
ที่ไม่ยิ้มเพราะมันยิ้มไม่ออกต่างหากเล่า…
ในที่สุดก็มาถึงสนามบินอุบลราชธานี….จนได้ครับ
ความตื่นเต้นกังวลเพิ่มสูงขึ้น ข้อความที่เตรียมมาก็ไม่แน่ใจว่าจะจำได้ไหม
ที่บริเวณทางออกเกทภายในสนามบิน พ่อแม่แฟนจะมารอรับ
ผมลองถามแฟนอีกครั้ง ว่าเจอพ่อแม่แล้วพูดประโยคที่เตรียมมาเลยได้ไหม
ถามปุ๊บ ผมก็ถูกเปลี่ยนข้อความที่ท่องมา!
จาก”Wannee Phom Mee Ruang Samkan ja Kho Krub”
เป็น
“Wannee Phom Mee Ruang Samkan Ja Kui Tee Baan Krub” (“วันนี้ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยที่บ้านครับ…)
แฟนให้ผมพูดประโยคนี้ตอนที่เจอกับพ่อแม่แล้วหรือตอนที่อยู่บนรถ
“Karunaa Hai Phom Tang-ngan Kub Look-saaw Khun Pho Dai Mai Krub”
มาเป็น
“Karunaa Hai Phom Tang-ngan Kub Look-saaw Khun Pho Khun Mae Dai Mai Krub”
เดิมทีแค่”ลูกสาวคุณพ่อ”เปลี่ยนเป็น”ลูกสาวคุณพ่อคุณแม่”
・・・
・・
・
ไม่ไหวม้างงง
ถ้าเป็นเวลาปกติก็คงเป็นแค่ประโยคภาษาไทยง่ายๆ ธรรมดา แต่เวลาเครียดฉี่แทบเล็ดอย่างเวลานี้ ดันมาถูกเปลี่ยนบทที่เตรียมมา
ไม่หวายยยอ่ะ
แฟน :”ไม่เป็นไร!ไม่เป็นไร!”
ไม่เป็นไรที่ไหนกันเล่า
จากนั้นแฟนผมก็เดินนำลิ่วไปหาคุณพ่อคุณแม่ที่รออยู่
หน้าถัดไป เป็นตอนที่ผมจะได้เจอกับพ่อแม่แฟน
นั่งรถพ่อแม่แฟนมุ่งหน้ากลับบ้าน!
ที่หน้าเกททางออกของสนามบิน พ่อแม่แฟนกำลังยืนรอรับพวกเราอยู่
「Sawaddee Krub Sabaidee Mai Krub?」
(สวัสดีครับ สบายดีไหมครับ)
เป็นคำทักทายตามปกติเช่นเคย
คำพูดที่ผมเตรียมมาจะพูดว่า” วันนี้ผมมีเรื่องสำคัญ…”ผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดแทรกจังหวะไหนดี จนขึ้นรถกลับบ้าน
แม้กระทั่งในรถผมก็หาจังหวะพูดไม่ได้ ยิ่งทำให้ผมเครียดเข้าไปอีก
คุณแม่กับแฟนที่ไม่ได้รับรู้ถึงความเครียดของผม กำลังเริ่มคุยกันเกี่ยวกับสถานที่จัดงานแต่งงาน
เสียงในใจ : เฮ้ย แปปนะ วันนี้ที่มานี่คือจะมาขออนุญาตแต่งงาน อย่าทำตัวเหมือนว่าได้รับอนุญาตแล้วหยั่งงั้นดิ แล้วอะไรคือมาคุยกันเรื่องสถานที่จัดงานแล้ว–?
ส่วนพ่อตา…กำลังขับรถด้วยความรู้สึกแบบไหนกันนะ…
ในสถานการณ์แบบนี้ จะให้พูดว่า “วันนี้ผมมีเรื่องสำคัญจะ…”
ผมพูดไม่ด้ายยยยย!
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเรื่องแมวที่บ้านแฟนเลี้ยงไว้เกิดถูกหมากัดอาการสาหัส
ตอนที่ผมมาอุบลช่วงปีใหม่แมวพวกนี้เชื่องและน่ารักกับผมมาก ยิ่งทำให้จิตใจของผมวิตกเข้าไปอีก
แฟนผมก็เป็นห่วงแมวเช่นกัน เราเลยไปเยี่ยมอาการแมวด้วยกันที่โรงพยาบาลสัตว์ที่รักษาแมวอยู่
จังหวะที่จะพูดว่า “วันนี้ผมมีเรื่องสำคัญ…”ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าเลย
หนำซ้ำฝนก็กระหน่ำเทลงมา วันนี้ผมรู้สึกว่าโชคไม่เข้าข้าง กังวลหนักเข้าไปอีกครับ
ญาติผู้ใหญ่ของแฟนรออยู่ที่บ้านจำนวนมากกว่าที่คิด!
พอกลับถึงบ้านปุ๊บมีญาติผู้ใหญ่ของแฟนที่แต่งตัวอย่างดีมารออยู่ที่บ้าน
คือ คือว่า..แบบนี้มันเกินคาดเกินไป…
ที่คุณพ่อพูดว่า”แค่ขออนุญาตทางโทรศัพท์ก็ได้”ผมเข้าใจว่าคงจะเป็นรูปแบบเรียบง่าย
ที่ไหนได้
โคตรจริงจังอ่ะ
ดูเหมือนว่าคุณแม่แฟนจะเป็นคนบอกข่าวเรียกญาติมารวมกันในวันนี้ครับ
แม่ยายครับ…
ที่ผมคิดไว้คือมีผม แฟน กับพ่อแม่ พวกเราแค่ 4 คน
ผม: “กรุณาให้ผมแต่งงานกับลูกสาวคุณพ่อด้วยนะครับ!”
พ่อตา: “ลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้จัก!บ้ารึเปล่าก็ไม่รู้!”
แม่ยาย:”เอาหน่าพ่อ”
ผม: “ผมจะแสดงให้ดูว่าจะทำให้ลูกสาวคุณพ่อมีความสุข!”
แฟน: “ขอร้องล่ะค่ะคุณพ่อออ!”
จากที่ผมคิดไว้ว่าจะสามารถคุยกันอย่างจริงจังเพียงแค่ 4 คน กลับเกินคาดไปมาก
แต่โชคดีที่ญาติที่มาวันนี้ผมเคยเจอมาก่อน จึงค่อนข้างสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
ยิ่งไปกว่านั้น คุณป้าคงเห็นท่าทีผมลุกลี้ลุกลน ท่านจึงพูดกับผมว่า “ถ้าตื่นเต้นมากไปเข้าห้องน้ำก่อนมั้ยลูก”
ผมที่อยากเข้าห้องน้ำอยู่พอดี เลยไปเข้าห้องน้ำก่อนตามที่คุณป้าแนะนำ
หน้าถัดไป ในที่สุดก็ได้เวลาที่ผมจะพูดว่า “กรุณาให้ผมแต่งงานด้วยนะครับ”เป็นภาษาไทยแล้วครับ!
ในที่สุดก็ได้เวลาที่ผมจะพูดว่า “กรุณาให้ผมแต่งงานด้วยนะครับ”เป็นภาษาไทยแล้วครับ!
ผมกังวลกลัวจะพูดเป็นภาษาไทยไม่ได้จนจบ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ยังไงก็ต้องพูดออกไป!
“Wannee Phom Mee Ruang Samkan Ja Kho Krub”
(พูดได้แล้ว!!!)
(ตอนไปเข้าห้องน้ำ ผมถอดเสื้อนอกทิ้งไว้ ดันลืมใส่กลับเข้าไปใหม่ครับ)
「Karunaa Hai Phom Tang-ngan Kub Look-saaw Khun Pho Khun Mae Dai Mai Krub」
(พูดได้แล้วโว้ย!!!!!!)
ผมยื่นสิ่งของบางอย่างทางประเพณีไทยให้คุณตาของแฟน ซึ่งก่อนหน้านั้นแฟนผมบอกว่า”ให้มอบอันนี้ให้หลังจากพูดขอแต่งงานเสร็จนะ”
จุดกังวลที่พีคสุดๆผ่านไปแล้วครับ
จากนั้น ก็เป็นการรับด้ายผูกข้อมือจากแต่ละคน
ตอนที่ผูกข้อมือผมก็ได้รับพรและกำลังใจต่างๆ
「เป็นคนต่างชาติต่างถิ่น มาถึงนี่คนเดียว นี่ถือว่ากล้าหาญมากนะจากนี้ไปก็ขอให้ทั้งสองไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนก็ใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่นปลอดภัยนะ” พอได้รับกำลังใจมาเช่นนี้ ผมจึงคิดขึ้นมาได้ว่า ถ้าคิดดีๆที่นี่ห่างไกลจากที่ที่ผมมามากๆเลยครับ
หลังจากที่ผมได้รับพรและกำลังใจต่างๆ ข้อมือของผมก็เต็มไปด้วยพรต่างๆหุ้มอยู่แบบนี้
ท่ามกลางบรรยากาศประเพณีแบบไทยๆ ในที่สุดผมก็ได้รับอนุญาตให้แต่งงานจากคุณพ่อคุณแม่ของแฟนอย่างราบรื่นไปได้ด้วยดีครับ
พอเสร็จแล้ว ผมก็ไปทานข้าวกับทุกคนต่อ
ทานข้าวกับทุกคนเสร็จแล้วก็ไปวัดต่อ
หลังจากการขออนุญาตแต่งงานอย่างจริงจังผ่านพ้นไป พวกเราก็ทานอาหารกันต่อเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศการเฉลิมฉลอง
จนกระทั่งถึงการปรากฏตัวของหมูหัน!
จากที่คุณพ่อบอกว่าแนะนำตัว「แค่โทรศัพท์ก็ได้」กลับกลายเป็นงานที่ใหญ่ขนาดนี้…
การร่วมทานอาหารจริงๆแล้วก็คือทานมื้อกลางวันกันนั่นเองครับ ก่อนจะไปวัดเพื่อขอพรและขอฤกษ์แต่งงานจากพระ
ไหว้พระพุทธรูปก่อน
จากนั้นก็เข้าพบเจ้าอาวาสวัดเพื่อรับพรและขอฤกษ์
ถูกเรียกว่าฮาชิโมโต้ตอนไปเยี่ยมคุณย่า
คุณย่าป่วยไปไหนไม่ได้ พวกเราจึงมาเยี่ยมท่านถึงที่บ้าน
จริงๆผมก็เคยพบกับคุณย่ามาแล้ว แต่คุณย่ามีอาการเบลอจำไม่ค่อยได้ จะจำอะไรเกี่ยวหลานเขยคนนี้ได้บ้างหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ
ผมจึงลองถามคุณย่าดู
“จำผมได้ไหมครับ?”
คุณย่า “ฮาชิโมโต้”
หืม ใครอ่ะ?
(ผมฮิโรชิครับ)
คุณย่า”ฮาชิโมโต้ววว! ฮ่าๆๆๆ!”
ใคร? ใครอ่ะ?55
“ผมฮิโรชินะครับ 55”
คุณย่า”สมัยก่อน ฉันน่ะ เคยถูกทหารญี่ปุ่นมาจีบชื่อว่า ฮาชิโมโต้ ”
เพิ่งจะเคยได้ฟังเรื่องราวประวัติศาสตร์จากปากผู้ผ่านประสบการณ์จริงเป็นครั้งแรกเลยครับ
คุณย่า “จริงๆแล้วทั้งหมดที่มาจีบย่าน่ะ มี 3 คน แต่ที่ออกเสียงถูกก็มีแค่ฮาชิโมโต้เนี่ยแหละ 555”
คุณย่านี่ก็ฮ็อตไม่เบาเลย…
ในสมัยอดีตแม้แต่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยเช่นจังหวัดอุบลราชธานีก็มีทหารญี่ปุ่นถูกส่งตัวมาเช่นกันสินะครับ
การคุยกับคุณย่าทำให้ผมได้รู้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ขึ้นมาบ้างจากที่ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ตอนนี้คุณฮาชิโมโต้กับอีกสองท่านนั้นตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้างนะ?
ผมจะลองไปศึกษาเรื่องทหารญี่ปุ่นสมัยก่อนที่เคยมาที่อุบลอีกครั้งครับ
ได้ดูรูปงานแต่งของคุณพ่อคุณแม่
พอกลับไปที่บ้านแฟน คุณพ่อคุณแม่ก็ให้ผมดูรูปงานแต่งงานของท่านครับ
สมัยที่ยังไม่มีกล้องดิจิตอล ยังบันทึกภาพด้วยฟิล์มอยู่ครับ
ถึงแม้สีของรูปจะจางลง แต่ก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์ในช่วงเวลานั้นนะครับ
งานแต่งของผมก็คงจะออกมาเป็นประมาณนี้สินะ
ดูเหมือนจะมีวิดิโอเทป(ที่ผมไม่ได้เห็นมานาน) บันทึกภาพงานแต่งงานด้วย !
เด็กสมัยนี้คงไม่รู้จักแล้วมั้ง วิดิโอเทป
เตรียมงานแต่งงาน
ตัดมาเรื่องการเตรียมงานแต่งงานต่อ หลังจากที่ได้รับอนุญาตแต่งงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พวกเราวางแผนกันไว้ว่าจะจัดงานแบบประเพณีไทยที่อุบล จึงไปเลือกดูชุดกัน
ในที่สุดก็มาถึงร้านชุดไทย แม้จะเป็นเวลาเปิดร้านแล้ว แต่หุ่นโชว์เสื้อผ้ายังวางกระจัดกระจายอยู่เลยครับ
ส่วนหุ่นทางนี้ดูเหมือนจะแต่งตัวเรียบร้อย
แต่ว่าที่หัวมีรอยแตกเหมือนถูกของมีคมกระแทกครับ…
ตอนนี้ก็เตรียมตัวไปแล้วประมาณนี้ครับ!
ไว้ติดตามชมต่อตอนหน้านะครับ