พามาติดตามขั้นตอนการดำเนินเรื่องแต่งงานกับคนไทยต่อครับ
ครั้งนี้ผมเอาเอกสาร“ใบปฏิญาณคุณสมบัติในการสมรส”และ“ใบรับรองความเป็นโสด”ที่ได้รับจากสถานทูตญี่ปุ่นในประเทศไทย ไปรับรองคำแปลที่กระทรวงต่างประเทศมาครับ
ภารกิจของผมวันนี้ คือต้องนำเอาเอกสาร“ใบปฏิญาณคุณสมบัติในการสมรส”และ“ใบรับรองความเป็นโสด”ที่ได้รับจากสถานทูตญี่ปุ่นในประเทศไทย ไปรับรองคำแปลครับ
การดำเนินเรื่องจดทะเบียนสมรสกับต่างชาติของไทย จำเป็นต้องมีเอกสารเพื่อพิสูจน์ว่า “คนญี่ปุ่นคนนี้สามารถแต่งงานกับคนไทยได้”ครับ
ซึ่งการพิสูจน์นี้มีขั้นตอนคือขอเอกสาร“ใบปฏิญาณคุณสมบัติในการสมรส”และ“ใบรับรองความเป็นโสด”จากสถานทูตญี่ปุ่นในประเทศไทย เสร็จแล้วนำเอาเอกสารที่สถานทูตออกให้ ไปรับรองคำแปลเอกสารที่กระทรวงการต่างประเทศของไทย จากนั้นจึงจะสามารถดำเนินขั้นตอนการจดทะเบียนสมรสต่อไปได้ครับ
ดังนั้น ผมจะไปที่สำนักกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศที่ตั้งอยู่ตรงแจ้งวัฒนะครับ
สิ่งที่จำเป็นในครั้งนี้
- ใบปฏิญาณคุณสมบัติในการสมรส(ฉบับภาษาอังกฤษ)
- ใบรับรองความเป็นโสด(ฉบับภาษาอังกฤษ)
- สำเนาหนังสือเดินทางคู่สมรสฝ่ายญี่ปุ่น(เซ็นต์กำกับ)
- ค่าธรรมเนียม (800 บาท) ถ้าส่งEMS มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 60 บาท
- ค่าแปลเอกสาร 200-900 บาท
การขอใบปฏิญาณคุณสมบัติในการสมรสและใบรับรองความเป็นโสดนั้นผมได้ลงไว้แล้ว สามารถดูได้ที่บทความก่อนหน้าครับ
- ยื่น「หนังสือปฏิญาณคุณสมบัติในการสมรส」และ「หนังสือรับรองความเป็นโสด」ที่สถานทูตญี่ปุ่นเพื่อดำเนินเรื่องแต่งงานกับคนไทย
- 【แต่งงานกับคนไทย】ไปรับเอกสาร「หนังสือปฏิญาณคุณสมบัติในการสมรส」และ「หนังสือรับรองความเป็นโสด」ที่สถานทูตญี่ปุ่นในประเทศไทย
- 1. ไปกระทรวงต่างประเทศที่แจ้งวัฒนะ
- 2. ศูนย์รวมสถานที่ราชการแจ้งวัฒนะ
- 3. ถึงกระทรวงต่างประเทศและกรมการกงสุล!
- 4. ไปใช้บริการการแปลเอกสารในกรมการกงสุล
- 5. หาอะไรทานระหว่างรอเอกสารแปลเสร็จ
- 6. รับเอกสารที่แปลเสร็จ จากนั้นไปรับรองคำแปลเอกสารที่ชั้น 3!
- 7. เวลาที่ใช้ในครั้งนี้
- 8. เวลาทำการของกระทรวงต่างประเทศและกรมการกงสุลไทย
ไปกระทรวงต่างประเทศที่แจ้งวัฒนะ
อรุณสวัสดิ์ครับ
เวลา 8 โมงเช้า
ผมก็ได้มาถึงที่สวนจตุจักรครับ
กระทรวงการต่างประเทศเทศของไทยตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของกรุงเทพ ในเขตแจ้งวัฒนะซึ่งอยู่ใกล้กับสนามบินดอนเมืองครับ
ตรงนั้นมีสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(Immigration Bureau) อยู่ด้วยครับซึ่งคนญี่ปุ่นที่จะมาทำเรื่องขอวีซ่าหรือรายงานตัว 90 วัน ก็มักจะมาที่นี่กันซะเป็นส่วนมาก
เพื่อจะเลี่ยงรถติดผมจึงเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินมายังสถานีที่ใกล้ที่สุด นั่นก็คือสถานีรถไฟใต้ดินสวนจตุจักร(หรือสถานีรถไฟฟ้าหมอชิต)จากนั้นจึงนั่งแท็กซี่ต่อไปยังศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะครับ
※ความจริงแล้วสถานีรถไฟหลักสี่เป็นสถานีที่ใกล้ที่สุดครับ แต่มีเพียงแค่รถไฟธรรมดาที่มาชั่วโมงละขบวน ผมไม่แนะนำให้เดินทางด้วยวิธีนี้ครับ
แถวนั้นมีมอเตอไซด์รับจ้างเต็มไปหมด ผมถูกพี่วินถามว่า”ไปไหนๆ”
ทางที่จะไปยังศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะรถติดครับ การนั่งวินมอเตอร์ไซด์ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
กว่าผมจะเรียกแท็กซี่ได้ก็ค่อนข้างยากครับ
ตอนที่ผมจะบอกจุดหมายปลายทางกับแทกซี่
ผม คิดว่าแค่พูดว่า“ไป Immigration Changwattana” ก็คงจะโอเค ที่ไหนได้แท็กซี่ไม่เข้าใจครับ ผมต้องบอกใหม่ว่า “Pai Tor Mor” แท็กซี่ถึงรู้เรื่อง
「Thor Mor」คือสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองครับ ถึงจะเป็นคนละตึกกับกรมการกงสุลกระทรวงต่างประเทศที่ผมจะไป แต่ก็อยู่ในบริเวณเดียวกัน บอกว่าไป ตม.ก็คงจะโอเคล่ะครับ
วันนี้แฟนคนไทย(คู่หมั้น)ของผมมาด้วยไม่ได้ เธอเลยทำโพยไว้ให้ครับ
คีเวิร์ดสำคัญคือ “รับรองเอกสาร” ครับ
พูดเป็นภาษาไทยว่า”Rub-Rong Ekkasarn”ครับ
นอกจากนี้ยังมีโพยคำอื่นๆอีกแต่แทบไม่ได้ใช้เลยครับ
ศูนย์รวมสถานที่ราชการแจ้งวัฒนะ
เวลา 8:45น. ผมก็ได้มาถึงศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะแล้วครับ
นั่งแท็กซี่จากจตุจักรมาประมาณครึ่งชม. จ่ายไป 123 บาทครับ
ตึกใหญ่โตโอ่อ่ามากเลยว่ามั้ยครับ~
มีสระน้ำด้วย
มีแม้กระทั่งน้ำพุ
ที่นี่ได้รวบรวมตึกที่ทำการราชการต่างๆของไทยไว้มากมายมีพื้นที่กว้างขวางและถนนหนทางที่ถูกจัดอย่างเป็นอย่างระเบียบ
แต่ตึกที่แท็กซี่ปล่อยให้ผมลงนั้น…
ไปยังกรมการกงสุลนี่อยู่ไกลลลลลลลลลที่สุดเลย
ดูจากแผนที่แล้วไกลเกิน 2 กิโลเลยนี่หว่า
จากสุดฟากหนึ่งของพื้นที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะไปยังอีกสุดฟากหนึ่ง
เพราะมันไกลอย่างนี้นี่เองเลยมีรถวินมอเตอร์ไซด์รับจ้างวิ่งเต็มไปหมด
กรมกงสุลไทย อยู่ที่สุดของถนนเส้นนี้ครับ
「Thor Mor」คือสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(Immigration Bureau)ครับ
ถ้าจะไปกระทรวงต่างประเทศกรมการกงสุล ต้องบอกว่า「Krom Karn Gong Soon」ครับ
หน้าต่อไป เป็นการแนะแนะนำขั้นตอนการดำเนินเดินเรื่องหลังจากที่ถึงกระทรวงต่างประเทศ!
ถึงกระทรวงต่างประเทศและกรมการกงสุล!
ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะค่อนข้างจัดสรรพื้นที่อย่างเป็นระเบียบสวยงาม ทำให้ผมอยากจะลองเดินเพลินๆดู
ผมเดินมาจาก ต.ม.(สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง)ใช้เวลาตั้ง 20 นาททีครับ
ผมแนะนำว่านั่งวินมอไซด์กันเถอะครับ
และนี่คือกระทรวงต่างประเทศและกรมการกงสุลของไทยครับ
ผมเช็คคำว่า「กรมการกงสุล(Krom Karn Gong Soon)」จากโพยภาษาไทยที่เอามาด้วย
พอเข้ามาข้างในแล้วเป็นแบบนี้ครับ
ผมผ่านด่านเช็คความปลอดภัยบริเวณทางเข้าไปอย่างสบายๆ
เลยถือโอกาสลองถามไปเลยว่า “สามารถรับรองเอกสารได้ที่ไหน”
「Rub-Rong Ekkasarn You Tee Nai Krab」
ผมก็ได้รับคำตอบมาว่า “ชั้น 3″(Chan Sam)ครับ
แต่ก่อนจะไปรับรองเอกสาร ผมต้องเอาเอกสาร「หนังสือปฏิญาณคุณสมบัติในการสมรส」และ「หนังสือรับรองความเป็นโสด」ที่เป็นภาษาอังกฤษไปแปลก่อน
พอขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นมาที่ชั้น 2 ก็จะเจอกับร้านรับแปลเอกสารครับ
ไปใช้บริการการแปลเอกสารในกรมการกงสุล
เวลา 9:30 น. ผมไปฝากแปลเอกสาร “หนังสือปฏิญาณคุณสมบัติในการสมรส” และ “หนังสือรับรองความเป็นโสด”
ในรูปนี้มีร้านรับแปลเอกสารอยู่ 2 ร้านครับ ผมลองไปถามร้านทางซ้ายดูแล้ว บอกว่ากว่าจะแปลเสร็จประมาณบ่าย2 ซึ่งนานเกินไปผมเลยไม่เอาครับ
และพอลองไปถามร้านทางขวาดู บอกว่าประมาณ 11โมงก็น่าจะแปลเสร็จ ผมเลยเลือกร้านนี้
ตอนที่ผมไปฝากแปลเอกสาร เขาเขียนชื่อผมเป็นภาษาไทยครับ
ชื่อผมออกเสียงได้ว่า “ฮิโระชิ คะนะโอะ”ครับ แต่เวลาที่เขียนเป็นภาษาไทยมักจะถูกเขียนว่า “ฮิโรชิ คานาโอะ”ครับ
เอาเถอะครับจะแบบไหนก็ช่างเถอะ
ค่าเอกสาร2อย่าง 900 บาทครับ
โอย…แพง
ก่อนมาที่นี่ผมได้ยินมาว่าค่าแปลเอกสารแค่ 200 บาทเท่านั้น สงสัยเพราะค่าครองชีพของไทยสูงขึ้นทำให้ราคาเปลี่ยนไป
(หลังจากนั้นดันไปเจอที่ที่ถูกกว่า)
หาอะไรทานระหว่างรอเอกสารแปลเสร็จ
การแปลเอกสารใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งครับ ผมเลยมีเวลาว่าง
ภายในกระทรวงต่างประเทศมีทั้งร้านกาแฟ ร้านสะดวกซื้อ
มีฟู๊ดคอร์ทด้วยครับ
ตอนเช้าผมไม่ได้ทานอะไรมาพอดี เลยได้ข้าวมันไก่ (ราคา 40บาท) มาทานฆ่าเวลาครับ
ถึงอย่างนั้นผมก็ยังหิวอยู่เล็กน้อย เลยไปซื้อถั่วจากร้านสะดวกซื้อมาทาน แต่ก็…
ว๊างว่าง
ถ้าเอาคอมพ์มาด้วยก็คงจะทำงานได้สักหน่อยนะ
รับเอกสารที่แปลเสร็จ จากนั้นไปรับรองคำแปลเอกสารที่ชั้น 3!
ผมไปเอาเอกสารที่ฝากร้านแปลไว้ จากนั้นจึงไปรับแบบฟอร์มคำร้องมา 1 แผ่นครับ
ช่องสีแดงมีไว้สำหรับเขียน วันที่ ชื่อตัวเอง หมายเลขพาสปอร์ต ที่อยู่ในประเทศไทย หมายเลขโทรศัพท์ และเซนต์ยืนยัน
พอกรอกและเซนต์เรียบร้อย ก็มาต่อแถมรับบัตรคิวครับ
ผมพูดกับเจ้าหน้าที่หน้าจุดตรวจรับเอกสารว่า「Ma Rub-Rong Ekkasarn 」และยื่นเอกสารที่เตรียมมา
- หนังสือปฏิญาณคุณสมบัติในการสมรสตัวจริง(ภาษาอังกฤษ)
- หนังสือปฏิญาณคุณสมบัติในการสมรสที่แปลเป็นภาษาไทย
- หนังสือรับรองความเป็นโสดตัวจริง(ภาษาอังกฤษ)
- หนังสือรับรองความเป็นโสดที่แปลเป็นภาษาไทย
- แบบฟอร์มคำร้อง
ผมรับบัตรคิวจากเจ้าหน้าที่ที่ออกบัตรคิวอย่างคล่องแคล่ว
ตอนนั้นเองที่ผมเพิ่งรู้ตัวครับ
ว่าตรงนี้ก็สามารถแปลเอกสารได้ ที่ป้ายมีเขียนราคาค่าแปลเอกสาร 200 บาท
ความไม่รู้นี่มันช่างน่ากลัว
ผมรู้สึกเจ็บใจมากจนไม่ได้ถามว่าค่าแปลเอกสารแค่ 200 บาทจริงๆเหรอ
ขั้นตอนการพิจารณารับรองคำแปลใช้เวลาถึง 3 วันครับ ดูเหมือนว่าผมต้องลางานเพื่อมารับเอกสารอีกครั้ง
ผมเคยได้ยินมาว่ามีการรับรองเอกสารด่วนราคาพิเศษที่เสร็จภายในวันเดียวด้วยครับ แต่ถามไปแล้วเจ้าหน้าที่ปฏิเสธว่าไม่ได้
แต่ยังมีอีกทางเลือกครับ คือบริการส่งเอกสารทางไปรษณีย์ด่วน EMS ทันทีที่รับรองการแปลเสร็จ ผมจึงเลือกวิธีนี้
จากนั้นผมจึงเอาเอกสารที่จะยื่นพร้อมบัตรคิวกลับมานั่งรอคิวเพื่อรอเจ้าหน้าที่เรียกใหม่
เพียงแค่ 1 นาที ก็ถึงคิวผมครับ เร็วกว่าที่คิด
ถ้าการรับรองคำแปลเสร็จ เอกสารจะถูกส่งไปที่บ้านผมตามที่อยู่ที่ผมเขียนไว้หน้าซองจดหมายครับ
การรับรองเอกสารคำแปลมีค่าธรรมเนียม 800 บาท และ อีก60 บาท
(60 บาท น่าจะเป็นค่าส่ง EMS)
ขั้นตอนทั้งหมดก็ประมาณนี้ครับ ผมทำเรื่องเสร็จตอน 11:15 น.
ตอนบ่ายผมก็สามารถกลับไปทำงานต่อ
เวลาที่ใช้ในครั้งนี้
รวมค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 2,060 บาท
- ค่าแท็กซี่ 260 บาท
ไป-กลับ จตุจักร กระทรวงต่างประเทศ
- ค่าธรรมเนียมเอกสารรับรองคำแปล 860 บาท
ค่าธรรมเนียม800บาท ค่า EMS 60 บาท
- ค่าแปลเอกสาร 900 บาท
ถ้าไปแปลที่ชั้น 3 อาจจะเสียแค่ 200 บาท
- ค่าข้าว(ข้าวมันไก่) 40 บาท
ตารางเวลา
ใช้เวลาไปทั้งสิ้น 4 ชั่วโมง
- 8:00 น. ถึงสถานีรถไฟใต้ดินMRTสวนจตุจักร
- 8:15 น. ขึ้นรถแท็กซี่
- 8:45 น. ถึงตม.แจ้งวัฒนะ
- 9:10 น. ถึงกระทรวงต่างประเทศ/กรมการกงสุล
- 9:30 น. ไปขอแปลเอกสาร
- 11:00 น. เอกสารแปลเสร็จ
- 11:15 น. รับรองเอกสารเสร็จ
- 12:00 น. นั่งแท็กซี่กลับถึงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสวนจตุจักร
พอแฟนผม(ผู้มีทักษะการแปล)เลิกงานกลับบ้านมา ผมก็เล่าเรื่องที่ว่าวันนี้จ่ายค่าแปลเอกสารไป900 บาท ก็ถูกเธอบ่นซะจนเกือบทะเลาะกันว่า”เอกสารง่ายๆแค่นี้ฉันก็แปลได้ ทำไมถึงเสียตั้ง900!!!”
เวลาทำการของกระทรวงต่างประเทศและกรมการกงสุลไทย
เวลาติดต่อ:8:30 น.~11:30 น./13:00 น.~15:30 น.
ที่อยู่:123 ถนนแจ้งวัฒนะ, เขตหลักสี่, กรุงเทพ
เบอร์โทร:กองสัญชาติและนิติกรณ์ 0-2575-1058 ถึง 59 โทรสาร 0-2575-1054
E-mail : consular04@mfa.go.th